903 Views |
|เปิด 6 ไอเดียทำแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย ปี 2024 เพื่อมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด |
|1.TikTok Challenges ปีหน้าจะขาดแคมเปญบน TikTok ไปไม่ได้เพราะตอนนี้ TikTok มียอดผู้ใช้งานรายเดือน 1.5 พันล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปสู่ 2 พันล้านคนในปลายปี 2024 นอกจากนี้ผู้ใช้งาน 77% ยังชื่นชอบเมื่อแบรนด์สร้าง challenges, trends หรือ memes ใหม่ๆ ให้ผู้ใช้งานเข้าร่วมกิจกรรมของทางแบรนด์ ดังนั้น TikTok Challenges จึงเป็นแคมเปญที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์และนักการตลาดที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ สำหรับปี 2024 โดยแคมเปญอาจจะเป็นการสร้าง Filter ใหม่ๆ สำหรับสินค้าใหม่ของแบรนด์โดยเฉพาะ การสร้าง Challenges เต้นประกอบเพลงต่างๆ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานรีวิวสินค้าและบริการจากประสบการณ์ใช้งานจริง หรือแคมเปญในรูปแบบ Hashtag Challenge ที่ให้ผู้ใช้งานเข้าร่วมกิจกรรมโดยติด Hashtag ที่แบรนด์สร้างขึ้น เช่น แคมเปญ #สนุกซ่าไม่มีซ้ำ ของมิรินด้าที่ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดการแสดงผลของโฆษณา (Ad Impressions) และยอดวิวที่พุ่งสูงกว่า 100 ล้านภายในระยะเวลาเพียง 6 วัน ด้วยการนำพรีเซนเตอร์อย่าง มิลลิ มาร่วมสนุกกับซิงเกิ้ลพิเศษ พร้อมท่าเต้นและสติกเกอร์ที่เพิ่มสีสันให้แคมเปญมีความสนุก ซ่า และไม่ซ้ำใคร |
|2.User-Generated Content User-Generated Content คือคอนเทนต์ที่ถูกสร้างโดยผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานบน Facebook, TikTok และ Instagram เพื่อรีวิวสินค้าและบริการจากผู้ใช้จริง หรือการเข้าร่วมแคมเปญโดยผู้ใช้งานทั่วไป จากสถิติพบว่า ผู้บริโภค 93% กล่าวว่าเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานมีประโยชน์เมื่อตัดสินใจซื้อสินค้า 92% ยังเชื่อในคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานมากกว่าการโฆษณาในรูปแบบอื่นๆ ดังนั้นใน 2024 การนำ User-Generated Content มาใช้ในการทำแคมเปญการตลาดอาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย การมีส่วนร่วม และการทำความรู้จักแบรนด์ให้ดีขึ้น เช่น Coca-Cola สร้างแคมเปญ “Share a Coke” โดยพิมพ์ชื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าบนขวดเครื่องดื่ม แคมเปญได้รับการตอบรับอย่างดีและกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้คนได้แชร์รูปของขวดเครื่องดื่มในโซเชียลมีเดีย |
|3.Behind the Scene การทำคอนเทนต์ behind the scene สามารถช่วยให้ลูกค้าซึมซับ เรียนรู้และเข้าใจความเป็นแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้นผ่านรูปแบบการทำวิดิโอต่างๆ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของแบรนด์ คุณค่าที่แบรนด์ให้ความสำคัญ แนะนำทีม และสภาพแวดล้อมในการทำงาน การแชร์เรื่องราวแต่ละวันของแบรนด์ลงใน Instagram Story การโปรโมตสินค้าใหม่ๆ ของแบรนด์ เล่าเรื่องราวเบื้องหลังกว่าจะเป็นแบรนด์ในทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง สร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานให้กับผู้ชม เช่น Nike อัปโหลดวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายภาพสินค้าลงบน YouTube |
|4.Livestream จากสถิติพบว่าผู้ชมใช้เวลาในการดู Livestream มากถึง 8 พันล้านชั่วโมง ในไตรมาสแรกของปี 2022 ผู้ชม 52% ยังดู Livestream ผ่านทางโซเชียลมีเดีย และ 31% เชื่อว่าการดู Livestream จะช่วยให้รู้ข้อมูลลับเกี่ยวกับแบรนด์ และสินค้าจากแบรนด์ การที่แบรนด์ Livestream จะช่วยให้สามารถตอบโต้กับผู้ชมที่ส่งคำถามที่ตนเองอยากรู้มาผ่านในช่องแชทได้โดยตรงแบบทันใจ โดยแบรนด์อาจมีการโชว์สินค้าและบริการผ่านทาง Livestream เพื่อสาธิตการใช้งานที่เหมาะสมให้ผู้ชมได้ดู หรือขายสินค้าด้วยราคาโปรโมชันในโอกาสต่างๆ เช่น 11.11 โดยมีโค้ดส่วนลดสำหรับลูกค้าที่เข้ามาดู Livestream เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าและบริการของแบรนด์อยู่แล้วและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น |
|5.Real-time Marketing การตลาดแบบ Real-time คือ การใช้ข้อมูลจากเทรนด์ล่าสุด เหตุการณ์ต่างๆ และฟีดแบคจากลูกค้าเพื่อมาทำการตลาดให้กับสินค้าและบริการของแบรนด์ ซึ่งการตลาดแบบนี้จะมีความไม่แน่นอนสูงทำให้ต้องหมั่นติดตามอยู่เสมอเพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ทำการตลาดประเภทนี้ได้อาจจะเป็นข่าวด่วน เทรนด์ที่กำลังมาแรง ซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือเพลงที่ติดชาร์ต ข้อมูลบนโลกโซเชียลมีเดีย และ event สำคัญต่างๆ เช่น แบรนด์ต่างๆ ใช้ซีรีส์ Squid Game สร้างแคมเปญการตลาด โดย Pepsi เลือกใช้ขนมรังผึ้ง (Honeycomb Candy) ที่เป็นหนึ่งในเกมจากเรื่อง Squid Game มาทำแคมเปญ |
|6.Holiday Campaigns ในยุคที่เต็มไปด้วยร้านค้าออนไลน์ การใช้แคมเปญในช่วงวันหยุด อย่างคริสต์มาส ปีใหม่ สงกรานต์ ดึงดูดสายชอปปิ้งสามารถช่วยให้แบรนด์สร้างยอดขายได้มากขึ้นในวันสำคัญต่างๆ โดยแบรนด์อาจกำหนดระยะเวลาของแคมเปญเป็นช่วงวันหยุดต่างๆ กำหนดธีมสีสันของรูปภาพในตรงกับธีมวันหยุด ทำ package และโปรโมชันพิเศษสำหรับวันหยุดเท่านั้น อาจจะเพิ่มกิมมิคการห่อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ |
|สรุป |
|สนใจทำประกันภัย : |