ปัจจัยหลักๆที่สำคัญ มีด้วยกัน 7 ข้อ |
- ราคาฐานเบี้ยประกัน
บริษัทประกันจะมีการปรับฐานราคาเบี้ยประกันขึ้นลงตามความเหมาะสม และนโยบายของบริษัทฯ เช่น หากมีอัตราการเคลมสูงขึ้น บริษัทมีโอกาสที่ต่อไปจะต้องจ่ายมากขึ้น ก็อาจจะต้องปรับฐานราคาให้สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเบี้ยแพงขึ้น ซึ่งระยะเวลาการปรับนี้ก็จะต่างๆกันออกไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทฯ
|
- รุ่นของรถ แบ่งเป็น 2 เรื่องคือ
รถรุ่นอะไหล่หาง่าย ราคาถูก ระบบไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย ราคาเบี้ยประกันก็จะถูกกว่ารถรุ่นที่อะไหล่แพง หรือที่ต้องหายาก รุ่นรถที่ตามสถิติมีความเสี่ยงหาย โดนขโมยบ่อยก็จะมีค่าเบี้ยแพงกว่ารถที่มีความเสี่ยงต่อการโดนโจรกรรมต่ำ ถ้ารถของคุณ มีความเสี่ยงน้อย และมั่นใจว่าสถานที่จอดของคุณปลอดภัย ลองหาประกันที่ไม่ครอบคลุมกรณีรถหาย ก็จะลดค่าเบี้ยที่ไม่จำเป็นไปได้อีก
|
- อายุผู้ทำประกันตามสถิติแล้ว..
คนที่อายุมากกว่า มักจะมีพฤติกรรมขับขี่ที่ดีและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุน้อยกว่าคนที่อายุน้อย
ประกันจึงมักให้ส่วนลดคนอายุมากมากกว่า
|
- ความคุ้มครอง หรือทุนประกัน
เป็นธรรมดาหากบริษัทต้องครอบคลุมค่าเสียหายสูง ก็จะต้องคิดค่าเบี้ยที่สูงตามไปด้วย ซึ่งบางครั้ง ทุนประกันที่สูงมากก็อาจจะไม่ได้คุ้มค่า เสมอไป หากส่วนใหญ่แล้วเราเป็นผู้ขับที่ดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆที่ตนเองเป็นฝ่ายผิด อาจจะเลือกประกันที่ทุนต่ำลงมา อาจจะลองขอ ให้ทางบริษัทประกันลดความคุ้มครองบางส่วนที่เราคิดว่าคงไม่ได้ใช้ ก็จะลดค่าเบี้ยลงมาให้ถูกลง และคุ้มค่าขึ้นได้
|
- อายุรถ
รถรุ่นใหม่อายุสักประมาณไม่เกิน 5 ปี จะมีค่าเบี้ยประกันถูกกว่ารถเก่า เพราะยิ่งรถมีอายุการใช้งานมาก เครื่องยนต์ก็สึกหรอมากขึ้น อาจจะเสียได้ง่ายและทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นครับ
|
- ค่าเสียหายส่วนแรก
ข้อนี้เป็น “ทีเด็ดที่คนมักมองข้าม” การเลือกประกันที่ระบุค่าเสียหายส่วนแรกคือประกันที่ หากเมื่อเกิดเหตุที่ต้องการเคลมประกัน เราต้องจ่ายเงินจำนวนที่ระบุนี้เพื่อที่จะได้รับการเคลม ตัวอย่างการคิดราคาเบี้ย เช่น ระบุค่าเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง 5,000 บาท โดยได้รับความคุ้มครองเท่ากับประกันที่ไม่ได้มีการทำเรื่องค่าเสียหายส่วนแรก คุ้มกว่ายังไง? คุ้มสำหรับคนขับรถดีและเคลมไม่เกินปีละครั้งครับ ลองคิดตามดูว่าอุบัติเหตุจริงๆแล้วไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะมีคนจำนวนมากถึง 50% ที่ไม่เคลมเลยทั้งปี หากว่าคุณไม่เคลมทุกปีก็มีโอกาสมากที่คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเลยสักครั้ง เท่ากับได้ลดค่าเบี้ยไปเลย 5,000 บาทของปีนั้น แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ ก็เพียงจ่ายเพิ่ม 5,000 บาท เพิ่มเคลม = จ่ายทั้งหมดเท่าค่าประกันทั่วไป
|
- ระบุชื่อผู้ขับ
เป็นอีกเรื่องที่บางคนอาจจะยังไม่รู้ ระบบการระบุชื่อเหมาะมากกับรถที่มีผู้ขับคนเดียว หรือใช้โดยคนคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ ประกันจะคุ้มครองให้แค่ความเสียหายที่เกิดโดยผู้ที่ระบุชื่อเอาไว้เท่านั้น แต่มันก็ทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลงได้อีกประมาณ 5-20 % นอกจาก 7 ข้อที่พูดถึงแล้วก็ยังรายละเอียดเล็กน้อยที่ทำให้ค่าประกันถูกหรือแพงได้ เช่น โปรโมชั่นส่วนลด, การผ่อนจ่ายที่จะถูกบวกค่าดอกเบี้ยเพิ่มไม่รู้ตัว และ ประวัติการขับขี่ที่ดีก็อาจจะทำให้ได้ส่วนลดเพิ่ม ลองนำปัจจัยต่างๆมาพิจารณาและเลือกให้เหมาะสม น่าจะประหยัดกันไปได้เยอะเลยครับ (เครดิตข้อมูล FairDee)
|
|
|